Tuesday, September 12, 2006

 

กฎน่ารู้เกี่ยวกับกระเป๋าเดินทาง

อันนี้เป็น เรื่อง "กฎน่ารู้เกี่ยวกับกระเป๋าเดินทาง" ของคุณ Midori จาก pantip.com

http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/H3251529/H3251529.html

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง จะพยายามหามา update ให้นะคะ

ย้ำอีกครั้งว่าเราไม่ใช่ผู้เขียนเรื่องราวในกระทู้นี้นะคะ เครดิตขอยกให้คุณ J และคุณ Midori..... ทั้งหมดค่ะ

กฎของการเดินทางทางประเทศ เกี่ยวกับจำนวนกระเป๋าเดินทางและน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง ต่อผู้โดยสาร 1 ท่าน

ก่อนอื่นขออธิบายกันให้เข้าใจกันก่อนว่า ระบบที่จะกล่าวถึงนี้เป็นระบบสากล ใช้กับสายการบินระหว่างประเทศ ทุกสายการบินครับขอย้ำว่า ระบบนี้ใช้กับสายการบินระหว่างประเทศทุกสายครับไม่มีข้อแม้ครับในโลกนี้ได้จัดระบบการกำหนดกระเป๋าของผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างประเทศด้วยเครื่องบิน โดยสายการบินระหว่างประเทศไว้แค่ 2 ระบบเท่านั้นครับ ทั้งนี้ระบบที่ว่านี้ มิได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้โดยสารเดินทางด้วยสายการบินระหว่างประเทศสายการบินใดน่ะครับระบบที่ว่านี้ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้โดยสารเดินทางไปจุดหมายปลายทางที่ใด ผ่านประเทศใด ทวีปใดครับ

ระบบที่ 1.) กำนหดด้วยจำนวนกระเป๋าเดินทางระบบนี้เรียกว่า Piece Concept ครับระบบนี้ใช้กับผู้โดยสารที่เดินทาง เข้า หรือ ออก หรือผ่าน (Transit,Tansfer) ทวีปอเมริกา ทั้งทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ หมายถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ เช่น บราซีลแม็กซิโก ฯลฯโดยระบุว่าผู้โดยสาร 1 ท่าน ได้รับอนุญาติให้เดินทางได้ด้วยกระเป๋า 2 ใบและน้ำหนักสูงสุดใบล่ะไม่เกิน 32 กิโลกรัม หรือ 70.4 ปอนด์หมายถึงว่า ผู้โดยสารได้รับอนุญาติให้เดินทางด้วยน้ำหนักรวมไม่เกิน 64 กิโลกรัม (140.8 ปอนด์) ด้วยกระเป๋าที่จำกัดจำนวน2 ใบเท่านั้นครับ* ทั้งนี้ไม่รวมถึงผู้โดยสารที่อายุต่ำกว่า 24 เดือน เดินทางด้วยตั๋ว Infant น่ะครับ (จะอธิบายเหตุผลภายหลังครับ)

ระบบที่ 2.) กำหนดด้วยน้ำหนักรวมของกระเป๋าระบบนี้เรียกว่า Weight Concept ครับระบบนี้ใช้กับผู้เดินทางที่เดินทางไปทุกประเทศที่เหลือในโลกนี้ยกเว้นไปประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปอเมริกาใต้*** รวมถึงยกเว้นผู้เดินทางที่ไปประเทศอื่นๆ แต่เดินทางโดยผ่านทวีปอเมริกาเหนือ หรือทวีปอเมริกาใต้ และผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวรอบโลกโดยผ่านทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปอเมริกาใต้ด้วยครับ ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารจะเดินทางไปประเทศ อังกฤษถ้าผู้โดยสารเดินทางตรงไปอังกฤษเลย จะใช้ระบบน้ำหนักรวมที่จะกล่าวถึงนี้น่ะครับ แต่ว่า ถ้าผู้โดยสารเดินทางไปอเมริกาก่อนหรือสายการบินที่ว่า แวะ Transit ที่อเมริกา ผู้โดยสารก็จะเดินทางด้วยระบบจำนวนกระเป๋าที่กล่าวถึงข้างต้น ***ในระบบนี้ ผู้โดยสารได้รับอนุญาติให้เดินทางด้วยน้ำหนักรวมกระเป๋าท่านล่ะ 20 กก. (44ปอนด์) ในชั้นประหยัดท่านล่ะ 30 กก. (66ปอนด์) ในชั้นธุรกิจ และท่านล่ะ 40 กก. (88ปอนด์) ในชั้นหนึ่ง** โดยไม่รวมถึงผู้โดยสารที่มีอายุต่ำกว่า 24 เดือน เดินทางด้วยตั๋ว Infant น่ะครับ

ทั้งสองระบบนั้น เป็นระบบสากลที่ใช้กับสายการบินระหว่างประเทศทุกสายการบิน โดยจะพิมพ์ปรากฎในตั๋วเครื่องบินเพื่อการเดินทางระหว่างประเทศ ทุกใบครับ และข้อกำหนดที่พิมพ์อยู่บนตั๋วนั้นตามหลักกฎหมายแล้ว ถือว่าเป็นข้อกำหนดที่เป็นที่ตกลงรับรู้ และยอมรับแล้วระหว่างสายการบิน และผู้ซื้อตั๋วโปรดสังเกตุตัวพิมพ์เล็กๆที่พิมพ์ปรากฎอยู่ในตั๋วเครื่องบินน่ะครับโดยมากจะอยู่ปกด้านในของตั๋วทุกใบครับตั๋วเครื่องบินสำหรับเดินทางระหว่างประเทศที่พิมพ์โดยถูกต้องทุกใบ (เพราะบางครั้งจะมีการพิมพ์ผิดพลาดของผู้ออกตั๋ว)ผู้โดยสารสามาถดูได้ว่า ตั๋วที่ผู้โดยสารถืออยู่นั้นใช้ระบบใดในการเดินทาง Piece concept หรือ Weight concept โดยการอ่านบนหน้าตั๋วที่มีชื่อผู้โดยสาร เที่ยวบิน วันที่ เวลาออกเดินทางจากบรรทัดที่ว่านั้น หากดูในช่องสุดท้าย ทางขวามือสุด ริมๆ ขอบๆตั๋วจะมีช่องสุดท้ายเขียนว่า Allow ตรงส่วนนี้เป็นส่วนที่ระบุให้ผู้โดยสารทราบว่าท่านเดินทางด้วยระบบใด

ถ้าผู้โดยสารเดินทางด้วยระบบ Piece concept ตรงช่องที่ว่านั้นจะพิมพ์ว่า PC หรือ 2PC ครับถ้าผู้โดยสารเดินทางด้วยระบบ Weight concept ช่องที่ว่านั้นจะพิมพ์ว่า 20K สำหรับชั้นประหยัด 30K สำหรับชั้นธุรกิจ และ40K สำหรับชั้นหนึ่ง

*** ตั๋ว Infant จะพิมพ์คำว่า " NIL " ***ตั๋ว Infant สำหรับผู้โดยสารที่อายุไม่เกิน 24 เดือนในขณะ เดินทางเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อตั๋วประเภทนี้ได้ เหตุที่กล่าวว่า"ในขณะเดินทางเท่านั้น" เพราะว่า หากว่าผู้โดยสารเดินทางไปเมื่ออายุ 23 เดือน 15 วัน และจะเดินทางกลับในอีก 24 วันข้างหน้าผู้โดยสารจะได้รับการอนุโลมให้เดินทาง เฉพาะเที่ยวไปเท่านั้นที่จะเดินทางด้วยตั๋ว Infant ได้ เพราะเมื่อถึงวันเดินทางกลับผู้โดยสารจะมีอายุเกิน 24 เดือนแล้วครับ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางด้วยตั๋ว Infant แล้วครับ ข้อนี้ต้องพิจารณาให้ดีก่อนซื้อตั๋ว Infant น่ะครับตั๋ว Infant นี้ ราคาถูกครับ จะประมาณ 10% ของราคาตั๋วผู้ใหญ่ไม่ได้รับสิทธิในการครอบครองที่นั่ง เวลาเดินทางจะต้องนั่งตักผู้ปกครอง และด้วยราคาที่ว่านี้ จะจึงไม่ได้รับอนุญาตให้มีน้ำหนักสัมภาระสำหรับเดินทางด้วยครับ ในช่อง Allow บนหน้าตั๋วจึงพิมพ์คำว่า NIL ครับดังนั้น หากว่าต้องการความสะดวกสะบายในการเดินทาง หรือต้องการได้รับอนุญาตให้เดินทางด้วยจำนวนกระเป๋าที่มากขึ้นหรือ น้ำหนักมากขึ้น ซื้อตั๋วเด็กให้เถอะครับ เพราะว่าผู้โดยสารจะได้ครอบครองที่นั่งเป็นของตัวเอง ไม่ต้องนั่งตักผู้ปกครองและยังได้อนุญาตเรื่องกระเป๋าเดินทางเท่ากับจำนวนผู้โดยสารผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเลยครับ ตั๋วเด็กจะราคาถูกกว่าราคาตั๋วผู้ใหญ่ประมาณ 30% ครับ โดยประมาณน่ะครับ

***** เรื่องของการอลุ้มอล่วยน้ำหนักในการเดินทาง *****
สายการบินทุกสาย ทุกสถานี มักจะอลุ้มอล่วยน้ำหนักกระเป๋าในการเดินทาง ไม่มากก็น้อยครับ แต่ยังไม่เคยเห็นสายการบินใดที่จะเข้มงวดตรงตามกฎทุกประการเลยครับสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางด้วย Piece concept สายการบินค่อนข้างลำบากในการอลุ้มอล่วยครับ เพราะว่า ในอเมริกาสายการบินจะเข้มงวดเรื่องจำนวนกระเป๋ามากกว่าในประเทศไทยผมหมายถึงว่า เช่น ผู้โดยสารเดินทางจากกท. ไปสหรัฐอเมริกาโดยเดินทางไป Los Angelis แล้วเดินทางต่อไป New York น่ะครับหากที่กรุงเทพฯ อนุญาติให้เดินทางด้วยกระเป๋า 3 ใบ เพราะเห็นว่าไม่ได้มีน้ำหนักรวมเกิน 64 กก. แต่เมื่อผู้โดยสารเดินทางไปถึงLos Angelis แล้ว จะไปต่อไปยัง New York ผู้โดยสารจะมีปัญหาในการเดินทางด้วยกระเป๋า 3 ใบ ครับ อาจจะถึงขั้นต้องเสียเวลามานั่งจัดกระเป๋าใหม่ให้เป็น 2 ใบครับอีกอย่างหนึ่ง ถ้าจะว่าไปแล้ว เดินทางด้วยน้ำหนัก 64 กก. ต่อผู้โดยสาร 1 ท่านแล้ว ถือว่ามากแล้วครับ ถ้าเทียบกับผู้โดยสารท่านอื่นๆที่เดินทางด้วยน้ำหนักไม่เกิน 20 กก.น่ะครับ(เรื่องการจัดกระเป๋า ผมเห็นว่าในสมัยนี้ การเดินทางไม่จำเป็นต้องนำเอาอาหารสำเร็จรูป กึ่งสำเร็จรูปแล้วน่ะครับ เพราะว่าสมัยนี้ในต่างประเทศที่คนไทยนิยมไปศึกษา หรืออยู่อาศัยกันแทบทุกประเทศ ท่านสามารถซื้อหาได้ทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก น้ำปลา แม้กระทั่งปลาร้า หรือพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะมีขายกันแล้วครับ ขนไปก็ไปเป็นภาระ และปัญหาในการขน และการเดินทางเปล่าๆครับ ยกเว้นว่าผู้โยสารมีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องขนไป ก็เป็นเหตุผลสว่นตัวน่ะครับ)

สำหรับท่านที่เดินทางด้วยระบบ Weight concept โดยทั่วไปสายการบินทุกสาย ทุกสถานี จะอะลุ้มอะล่วยให้เกิน จากที่ระบุไว้ในตั๋วของผู้โดยสารน่ะครับ ตั้งแต่ 5 กก. แต่ไม่เกิน 10 กก.ครับทั้งนี้ทั้งนั้น

ยังมีเหตุผลอื่นๆอีกน่ะครับ ที่สายการบินจะอะลุ้มอล่วยให้น้ำหนักเพิ่มให้เป็นกรณีไป เช่น

1.) เป็นสมาชิกสะสมไมล์ของสายการบินที่ผู้โดยสารเดินทางอยู่เช่น สมาชิก Royal Orchid Plus ของสายการบินไทยเป็นต้นแล้วยังขึ้นอยู่กับสถานะของบัตรที่ถืออยู่ด้วยน่ะครับ เพราะว่าทุกสายการบินจะแยกสถานะของบัตรสมาชิกไว้ อย่างน้อย3 ประเภทครับ แล้วแต่ความถี่ในการเดินทาง และจำนวนไมล์ที่ผู้โดยสารได้สะสมไว้น่ะครับ ตัวอย่าง-- บัตรสมาชิกทั่วไป บางสายการบินจะอนุญาตให้เพิ่มอีก5 กก. จากที่ระบุบนหน้าตั๋ว หรือบางสายการบินจะไม่ให้ครับสำหรับสมาชิกประเภทนี้ เพราะถือว่าเพิ่งเริ่มต้นสะสม-- บัตรเงิน จะได้รับอนุญาตให้เพิ่มอีก 10 กก. จากหน้าตั๋ว-- บัตรทอง จะได้รับอนุญาตให้เพิ่มอีก 20 กก. จากหน้าตั๋ว*** ที่ว่านี้ จะต้องเป็นสมาชิกสะสมไมล์ของสายการบินที่ท่านเดินทางอยู่ขณะนั้นน่ะครับ เช่นว่า จะได้รับอนุญาตเพิ่มก็ต่อเมื่อ ผู้โดยสารเป็นสมาชิก Royal Orchid Plus และเดินทางด้วยสายการบินไทย ในวันนั้นน่ะครับ ***

2.) นักเรียนไทย ที่เดินทางไปศึกษา หรือกลับจากการศึกษาในต่างประเทศ เดินทางโดยสายการบินไทยกรณีนี้ เท่าที่ทราบมา ให้เฉพาะการบินไทยเท่านั้นน่ะครับสายการบินอื่นเค้าไม่สนใจครับว่าผู้โดยสารจะเป็นนักท่องเที่ยว หรือ นักเรียน แต่สายการบินไทย จะให้โอกาสกับนักเรียนไทยครับคือ ถ้าเป็นนักเรียน เดินทางด้วยสายการบินไทย เพื่อไปศึกษา หรือกลับจากการศึกษา หากติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของการบินไทย จะได้รับอนุมัติให้เพิ่มอีก 10 กก.ครับ แต่ที่สำคัญ ผู้โดยสารต้องแสดงบัตรนักเรียนต่อเจ้าหน้าที่การบินไทยด้วยน่ะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ว่านี้ไม่ได้ระบุไว้เป็นทางการน่ะครับ ว่า จะต้องได้ น่ะครับ ถือเป็นการอนุโลมพิเศษให้กับนักเรียนไทย โดยสายการบินไทย อย่างไม่เป็นทางการครับ

3.) ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยตั๋ว Infantถ้าตามที่ระบุในหน้าตั๋ว จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางด้วยสัมภาระใดๆ น้ำหนักใดๆเลยน่ะครับแต่ว่า สายการบินทุกสาย และทุกสถานี โดยทั่วไป จะอนุโลมให้ 10 กก. ครับ ซึ่งก็ไม่ได้ระบุไว้เป็นทางการน่ะครับ สายการบินมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่ให้น้ำหนักใดๆเลยก็ได้ครับ

4.) นักกีฬาที่เดินทางเพื่อเป็นตัวแทนของชาติ หรือนักกีฬาที่ได้รับเชิญให้เดินทางมาแข่งขันกีฬานัดสำคัญๆ มักจะได้รับการอนุโลมน้ำหนักให้พิเศษ สำหรับอุปกรณ์กีฬาครับเช่น จักรยาน เป็นต้น

** กระเป๋าสัมภาระส่วนตัวถือขึ้นเครื่อง **
โดยแท้จริงแล้ว สายการบินจะมีกฎระบุถึงขนาดของกระเป๋าสัมภาระส่วนตัว ที่จะนำขึ้นเครื่องน่ะครับ แต่ว่าในปัจจุบันนี้กระเป๋าดังกล่าวมีการออกแบบมากมาย แตกต่างกันไปจึงจะให้เจ้าหน้าที่ ระบุตายตัวชัดเจนก็คงจะเป็นการลำบากเพราะรูปทรงที่แตกต่างกันด้วย ที่สำคัญ อย่างให้ใบใหญ่เกินไปจนไม่สามารถนำเข้าเก็บไว้บนชั้นเก็บของบนเครื่องบินน่ะครับ บางสายการบินก็ได้ออกแบบเครื่องทดสอบวัดขนาดกระเป๋าดังกล่าวน่ะครับ โดยจะเป็นกรอบ 4 เหลี่ยมที่สามารถเอากระเป๋าดังกล่าวเข้าไปได้ พร้อมทั้งเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักด้วยภายในตัวเรื่องน้ำหนักของกระเป๋าดังกล่าว จะอนุญาตให้มากที่สุดไม่เกิน 7 กก. (15.4ปอนด์) ครับ

ผู้โดยสารชั้นประหยัด ได้รับอนุญาตท่านล่ะ 1 ใบชั้นธุรกิจ และ ชั้นหนึ่ง ได้รับอนุญาตท่านล่ะ 2 ใบครับสาเหตุที่ต้องกำหนดน้ำหนัก ก็เพื่อความปลอดภัยครับเคยมีผู้โดยสารคอหักตายมามากมาย ทั้งที่เป็นข่าว และไม่เป็นข่าว ด้วยเหตุที่ว่า กระเป๋าถือดังกล่าวน้ำหนักมากเกินไป เมื่อนำไปใส่ช่องเก็บกระเป๋าเหนือหัว (Over-head Locker)แล้วตกลงมาหล่นตรงหัวผู้โดยสารพอดี (ถ้าเป็นกระเป๋าของตัวเองก็คงโทษใครไม่ได้ แต่ถ้าเป็นกระเป๋าของคนอื่นแล้วทำให้อีกคนหนึ่งต้องเสียชีวิตก็....)

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้ หากว่าเครื่องดังกล่าวตกหลุมอากาศหรือ น้ำหนักกระเป๋ามากเกินกว่าที่ ช่องเก็บของดังกล่าวได้รับการออกแบบให้รับน้ำหนักได้น่ะครับสาเหตุที่ต้องมีการกำหนดน้ำหนักดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย และการเดินทางอย่างราบรื่นของผู้โดยสารเองเพราะว่า ก่อนที่เครื่องบินจะทะยานขึ้นสู่อากาศนั้น เจ้าหน้าที่สายการบินจะต้อง เอาน้ำหนักของทุกอย่างมาคำนวณครับเช่น น้ำหนักของตัวเครื่องบินเปล่าๆ (ยังไม่มีผู้โดยสาร ไม่มีเจ้าหน้าที่บริการบนเครื่องบิน ไม่มีน้ำมัน ไม่มีกระเป๋าผู้โดยสารไม่มีระวางสินค้า Cargo ไม่มีอาหารและเครื่องดื่มที่จะนำขึ้นไปบริการผู้โดยสาร) น้ำหนักของลูกเรือ น้ำหนักผู้โดยสารน้ำหนักกระเป๋าผู้โดยสาร ฯลฯ เพื่อนำมาคำนวณในการเติมเชื้อเพลิง และ เพื่อความสมดุลย์ของเครื่องบินเมื่ออยู่ในอากาศน้ำหนักรวมทั้งหมดตอนทะยานสู่อากาศ และน้ำหนักทั้งหมดตอนลงสู่พื้นดินครับดังนั้น

จึงขอแนะนำว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเองผมว่าทำตามกฎที่ระบุไว้น่าจะดีที่สุดครับหากว่าผู้โดยสารมีสัมภาระที่จะต้องเอาไปต่างประเทศจริงๆถ้าน้ำหนักเกิน น่าจะส่งทาง Cargo หรืออีกอย่างหนึ่งที่เรียกกันว่า Unaccompanied Baggages ดีกว่าน่ะครับ เสียเงินน้อยกว่า ที่จะต้องเสียค่าระวาง Excess baggages ด้วยครับถึงช้าหน่อย แต่ก็ทำตามกฎ และถูกกว่า

Comments: Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?

-->
Links
archives